"ยกระดับชุมชนรอบรู้สุขภาพ 4.0"
โลกแห่งการเปลี่ยนแปลง สรรพสิ่งเป็นไปในวิถีธรรมชาติ ทรัพยากรถูกใช้ไปอย่างไร้ขีดจำกัด ความตระหนักแห่งภูมิปัญญา แสวงหาแนวทางการเอาชนะธรรมชาติทีกำลังเปลี่ยนแปลงทั้งภาวะโลกร้อน สงครามทางการค้า การแย่งชิงทรัพยากร การใช้ทรัพยากรที่เกินอัตราแห่งความสมดุล เราเป็นหนึ่งในนั้น ที่ต้องแสวงหากลวิธีแก้ไขปัญหาตามศักยภาพของตนและหมู่คณะ เกิดโลกแห่งการเรียนรู้ อย่างเข้าใจ รับข้อมูลต่างๆ ในยุคของโลกาภิวัฒน์ 4.0 นำมาคิดวิเคราะห์ ในการตัดสินใจแสดงออกเพื่อแก้ไขปัญหา องค์ความรู้จึงสำคัญ การเก็บเกี่ยวหรือจัดการองค์ความรู้ ที่มีอยู่มากมายในโลกอินเตอร์เน็ต เอกสารคู่มือต่างๆ รวมถึงการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ทั้งระบบออฟไลน์และออนไลน์ผ่านเว็บไซต์ แอปพลิเคชั่นต่างๆ การแข่งขันระบบการจัดการข้อมูลที่มีขนาดใหญ่ Big Data, Artificial Intelligence, Machine Learning แม้กระทั่งระดับ Deep Learning เทคโนโลยี Quantum Computer ที่สามารถคำนวณได้เร็วกว่าคอมพิวเตอร์ธรรมดาจากใช้เวลา 10,000 ปี เหลือเพียง 3.2 นาที โลกไปไกลมากในการแข่งขันในโลกเทคโนโลยีขั้นสูง ประกอบกับกระแสการป้องกันควบคุมโรคอุบัติการณ์ใหม่ โควิด-19 ที่โลกกำลังเผชิญ กำลังส่งผลต่อการค้าการลงทุน การบริการทั้งภาครัฐและเอกชน แม้ชาวบ้านต้องปรับตัวเองรองรับชีวิตวิถีใหม่ ลดความสูญเสีย ให้กระทบคุณภาพชีวิตน้อยที่สุด
การกำหนดยุทธศาสตรฺ์หน่วยงานของภาครัฐจึงต้องปรับตัวเช่นกัน การวางแผนพัฒนาระบบบริการสุขภาพ ในประเทศ กระทรวงสาธารณสุข กรม กอง เขตสุขภาพ และหน่วยงาน ระดับจังหวัด อำเภอ ตำบล และกระทั่งระดับหมู่บ้าน ต้องกำหนดเป้าหมายที่มุ่งมั่นร่วมกัน แล้วเราจะเริ่มกันได้อย่างไร ในยุคที่ไทยเรา ยังต้องเร่งพัฒนาให้ทันโลก ขณะที่เรายังมีปัญหาทั้งด้านเศรษฐกิจ การเมือง การพึ่งพาภาคเอกชนในการพัฒนาเทคโนโลยีจึงมีความจำเป็น ขณะที่ต้องดูแลปัจจัยพื้นฐานสำหรับประชาชนทั่วไป เป็นสิ่งที่ท้ายทายของรัฐบาล
แผนยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี ที่มุ่งสร้างความมั่นคงมั่งคั่งยั่งยืนแก่ประเทศ และแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 12 ที่น้อมนำแนวคิดปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงจากแผนฯฉบับที่ 8 และต่อยอดจากฉบับที่ 9-11 ในแนวทางประชารัฐ สร้างความร่วมมือภาครัฐและเอกชน ชุมชนมีส่วนร่วมในการจัดการคุณภาพตนเอง ไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง ดังนั้น จำนวนงบประมาณที่ใช้ในการบริหารประเทศต้องจัดสรรแบบกระจายให้ทั่วถึง นับว่าเป็นจุดอ่อนในแผนพัฒนา แต่เราจะแก้อย่างไรให้มีการพัฒนาเทคโนโลยีที่ประเทศไทยยังล้าหลังและต้องซื้อเทคโนโลยีจากต่างชาติ นั้นหมายถึงต้องใช้งบประมาณมหาศาล และขณะที่ต้องใช้งบพัฒนากำลังคน ในประเทศ ในฐานะหน่วยงานย่อยในการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ตามแผนยุทธศาสตร์ชาติ ต้องปรับกลยุทธ์ ในการทำงานให้มีเป้าหมายหลักที่ชัดเจน เพื่อให้เกิดศักยภาพในการสร้างความยั่งยืนสามารถดูแลพึ่งตนเองได้
หมู่บ้านปรับเปลี่ยนพฤติกรรมสุขภาพ โดยกระทรวงสาธารณสุข กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ ดำเนินงานมาตั้งแต่ปี 2557 ปัจจุบัน มีแนวทางการขับเคลื่อนขั้นตอนที่ชัดเจนในการแก้ไขปัญหาสุขภาพด้วยตนเอง เป้าหมายจัดให้มีหมู่บ้านต้นแบบในการพึ่งตนเองด้านสุขภาพ ทั้ง 76 จังหวัด ตำบลละ 1 หมู่บ้าน เพื่อเป็นแหล่งเรียนรู้และขยายต้นแบบการสร้างความรอบรู้และปรับเปลี่ยนพฤติกรรมสุขภาพในระดับที่สูงขึ้น ด้วยกระบวนการมีส่วนร่วมของชุมชน แต่เมื่อพิจารณาแนวทางการจัดการยุทธศาสตร์ของกระทรวงสาธารณสุข พบว่าการส่งเสริมให้ชุมชนระดับหมู่บ้านมีการขับเคลื่อนแก้ไขปัญหาสุขภาพอย่างเป็นขั้นตอน วัดประเมิน สุขภาพด้วยตนเอง ตั้งแต่เริ่มคิด วางแผนปฏิบัติ ติดตาม ประเมิน ยังมีจุดอ่อนเป็นอย่างมาก ไม่ได้กำหนดยุทธศาสตร์ตัวชี้วัดที่ชัดเจน ส่วนกองสุขศึกษา ปี 2563 เริ่มุการยกระดับหมู่บ้านปรับเปลี่ยนพฤติกรรมสุขภาพ เป็นชุมชนรอบรู้สุขภาพ ชุมชนมีสถานบริการที่มีมาตรฐาน กลุ่มคนรุ่นใหม่เยาวชนมีพื้นฐานพฤติกรรมสุขสุขภาพที่ดี และวัยทำงานมีการปรับตัวเองไม่เป็นกลุ่มเสี่ยง แม้ว่ามีความพยายามขับเคลื่อนกำหนดนโยบายหมู่บ้านจัดการสุขภาพโดยการศึกษาวิจัยและพัฒนาเป็นตำบลจัดการสุขภาพและตำบลจัดการพัฒนาคุณภาพชีวิต ของกองสุขภาพภาคประชาชน และมีการกำหนดออกพระราชบัญญัติว่าด้วยการพัฒนาคุณภาพชีวิตระดับอำเภอ(พชอ.) ซึ่งต้องอาศัยแก้ไขพฤติกรรมระดับหมู่บ้านเป็นจุดเริ่มต้น เพื่อให้การแก้ไขปัญหาสุขภาพที่หน่วยงานบริการสุขภาพ กำลังเผชิญทั้งลดระยะการรอคอย ค่าใช้จ่ายของโรงพยาบาลสูงมาก บางโรงพยาบาลขาดทุนในทางบัญชี ทำให้การจัดการขาดสภาพคล่อง การบริการเชิงรุกและเชิงรับการขาดสมดุล สถานบริการหรือการจัดสรรงบประมาณต้องเยียวยางานเชิงรับในงานรักษามากขึ้น การสนับสนุนสร้างสุขภาพระดับชุมชนที่เป็นเชิงรุกจึงขาดการ เหลียวแล เพื่อให้การแก้ปัญหาเน้นให้ประชาชนพึ่งตนเองด้านสุขภาพ สร้างความรอบรู้ด้านสุขภาพ การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมสุขภาพ จะสามารถลดอัตราการป่วยด้วยโรคที่ป้องกันได้ ลดค่าใช้จ่ายในหน่วยบริการเชิงรับ ประชาชนมีสุขภาพดี สร้างคุณภาพชีวิตที่ดีได้ ซึ่งบทบาทสำนักงานสาธารณสุขจังหวัด จึงมีความสำคัญมากในการบูรณาการโดยเน้นบริการเชิงรุกให้มากขึ้น
แนวคิดกำหนดยุทธศาสตร์ หมู่บ้านจัดการสุขภาพ เกิดจากแนวคิดกำหนดยุทธศาสตร์การวางแผนแก้ไขปัญหาทั้งการบริหารจัดการและนำนโยบายที่สอดคล้องกับกระทรวง ในระดับจังหวัดลงไปปฏิบัติให้ได้รวดเร็ว ได้วงกว้าง เด่นชัดเจนวัดประเมินได้ ผลลัพธ์ของการแก้ไขปัญหามีความยั่งยืน กำหนดให้มีการบูรณาการตั้งแต่ระดับกลุ่มงานของสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดบึงกาฬ โดยนโยบายที่ชัดเจนในการจัดทำแผนยุทธศาสตร์ที่สอดคล้องปัญหาจังหวัดและพื้นที่ โดยให้หัวหน้าหน่วยงานระดับอำเภอรับรู้และเข้าใจการจัดทำแผนที่มีเป้าหมายหลักของหน่วยบริการ สอดคล้องกับเป้าหมายหลักของแผนยุทธศาสตร์จังหวัด รวมถึงให้มีการบูรณาการร่วมกับหน่วยงานกระทรวงอื่นๆ ในระดับจังหวัดที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนในระดับ หมุ่บ้านอีกด้วย โดยพัฒนาทีมขับเคลื่อนที่มีศักยภาพด้านการใช้เทคโนโลยีในการประมวลผลที่รวดเร็ว มีการพัฒนาองค์ความรู้ด้านสุขภาพในประเด็นที่เป็นปัญหาและรอบรู้ในการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมสุขภาพ มีแกนนำด้านการเปลี่ยนแปลงระดับหมู่บ้าน เข้าใจกระบวนการขั้นตอนการแก้ไขปัญหา ซึ่งงานสุขศึกษาและการประชาสัมพันธ์ ได้กำหนดเป้าหมายยุทธศาสตร์หลักเพื่อให้สอดคล้องกับ “หมู่บ้านจัดการสุขภาพ”ของจังหวัด เป็นสิ่งที่ท้าทายบุคลากรสาธารณสุขในจังหวัด โดยเฉพาะทีมงานหมู่บ้านปรับเปลี่ยนพฤติกรรมสุขภาพในระดับตำบล อำเภอ ไม่น้อย เป็นประเด็นที่ท้าทายนำไปสู่เป้าหมายสุดท้ายการพึ่งตนเองด้านสุขภาพได้ของประชาชนทุกคน
งานสุขศึกษาและการประชาสัมพันธ์ จึงได้่กำหนดยุทธศาสตร์เป้าหมายหลัก คือ ยกระดับหมู่บ้านปรับเปลี่ยนพฤติกรรมสุขภาพ เป็น "ชุมชนรอบรู้สุขภาพ 4.0" โดยใช้เทคนิคและเครื่องมือในการแก้ไขปัญหา คือ
1)กระบวนการแก้ไขปัญหา โดยใช้แนวทาง"หมู่บ้านจัดการสุขภาพ"ของ นายแพทย์ชัชวาลย์ ฤทธิ์ฐิติ นพ.สสจ..บึงกาฬ เรียกว่า กระบวนการแก้ไขปัญหาสุขภาพ 8 ขั้นตอน และ แนวทางหมู่บ้านปรับเปลียนพฤติกรรมสุขภาพ 7 ขั้นตอน มาประยุกต์ใช้ ประกอบด้วย 1) สร้างทีมงานคณะกรรมการจัดการรับฟังอย่างตั้งใจ การเรียนรู้และร่วมพัฒนา 2) จัดการข้อมูลทั่วไป และกำหนดปัญหาสุขภาพ 3) การจัดทำแผนงาน โครงการ แผนปฏิบัติ 4) การดำเนินกิจกรรมตามบริบทศักยภาพชุมชน 5) ข้อตกลงร่วมสุขภาพ 6) ออกแบบกำหนดการเฝ้าระวังติดตามพฤติกรรมสุขภาพ 7) สร้างการมีส่วนร่วมของภาคีเครือข่าย 8) ประเมินผล ถอดบทเรียน มีนวัตกรรมดูแลสุขภาพ
โดยมีผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย(Stakeholder) ประกอบด้วย
1)ในหน่วยบริการ มีเจ้าหน้าที่ รพสต. จนท.ศูสม. รวม สสอ.และ รพ.ที่มีส่วนเกี่ยวข้องโดยตรง
2)ในหมู่บ้าน มีผู้นำชุมชน กรรมการหมู่บ้าน อสม. กลุ่มชมรมต่าง ๆ พระหรือผู้นำศาสนา(มัคทายกวัด) สมาชิก อปท.
3)ในโรงเรียน มีครู นักเรียน ภารโรงหรือลูกจ้าง ผู้ปกครองนักเรียน
กลุ่มผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย ที่อยู่ในสถานการณ์ และสถานสุขภาพ ที่มีผลกระทบต่อสุขภาพของชุมชน เป็นบุคคลที่เกี่ยวข้องในสถานการณ์ตามที่ผู้ศึกษา ได้ค้นพบจากการศึกษาข้อมูลและสถานการณ์ สามารแสดงความสัมพันธ์สถานการณ์ ผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย และปัญหาที่สำคัญ เพื่อใช้ประกอบการวางแผนGame Plan ขององค์กร
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น